(9 มีนาคม 2567) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ดำเนินการการให้บริการสงเคราะห์ผู้สูงอายุในภาวะยากลำบาก เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ได้รับความเดือดร้อนด้านที่พักอาศัย อาหารและเครื่องนุ่งห่ม ประสบปัญหาด้านครอบครัว ถูกทารุณกรรม ถูกแสดงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ถูกทอดทิ้ง ไม่เกินวงเงินครั้งละ 3,000 บาท ไม่เกิน 3 ครั้ง/คน/ปี
รองโฆษกฯ แนะช่องทางขอรับความช่วยเหลือ “สงเคราะห์ผู้สูงอายุ”
ในกรุงเทพฯ สามารถขอรับความช่วยเหลือได้ที่
•    กรมกิจการผู้สูงอายุ 
•    กรมกิจการเด็กและเยาวชน 
•    กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว 
•    กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ 
•    กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ 
•    ศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300 
ในจังหวัดอื่น ๆ สามารถขอรับความช่วยเหลือได้ที่ 
•    สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) 76 จังหวัด
•    ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ (ศฑส.) 11 แห่ง 
•    หน่วยงานในสังกัด พม. ที่อยู่ในจังหวัดนั้น 
          ทั้งนี้ ในการยื่นรับการให้บริการสงเคราะห์ผู้สูงอายุในภาวะยากลำบากดังกล่าว สามารถแบ่งได้ 3 กรณี ดังนี้
•    กรณีผู้สูงอายุแจ้งเรื่องเอง  ต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชน บัตรอื่นที่ทางราชการออกให้มาใช้ประกอบเป็นเอกสารยื่น
•    กรณีบุคคลหรือหน่วยงานอื่นพบเห็น  ใช้บัตรประจำตัวประชาชน บัตรอื่นที่ทางราชการออกให้ของผู้แจ้งเรื่องมาใช้ประกอบเป็นเอกสารยื่น
•    กรณีไม่มีหลักฐาน  ให้มีหนังสือรับรองที่ทางราชการออกให้ว่าผู้สูงอายุมีถิ่นที่อยู่ในพื้นที่นั้นจริง
พม. เปิดรายละเอียดให้ความช่วยเหลือ “สงเคราะห์ผู้สูงอายุ”
          กระทรวง พม. จะให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ได้รับความเดือดร้อนในรูปเงินช่วยเหลือ ครั้งละไม่เกิน 3,000 บาท หรือมอบเป็นสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร เครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น โดยในระยะ 1 ปี สามารถช่วยเหลือได้ 3 ครั้ง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะรับเรื่องไว้ ก่อนจะรวบรวมข้อมูลส่งให้ พม. ลงพื้นที่เก็บข้อมูล ตรวจสอบว่าเข้าหลักเกณฑ์จริง หากผ่านเกณฑ์ก็จะได้รับความช่วยเหลือผ่าน 
•    การโอนเงินผ่านระบบ Krungthai Corporate Online 
•    เช็ค 
•    เงินสด (โดยมีใบสำคัญรับเงิน เจ้าหน้าที่ต้องลงนามเป็นพยานให้ครบถ้วนพร้อมภาพถ่ายประกอบ)
          “รัฐบาล โดย พม. เดินหน้าขับเคลื่อนพัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างครอบคลุมทุกมิติ อาทิ การดำเนินโครงการอบรมการพัฒนาคุณภาพแบบพุ่งเป้าสำหรับกลุ่มเปราะบางทั้งด้านสุขภาพ ที่อยู่อาศัย การศึกษา รายได้ และการเข้าถึงบริการภาครัฐ ซึ่งได้ร่วมมือกับหลายภาคส่วน เพื่อให้เกิดความสุขในการดำรงชีวิตและความเป็นอยู่ พร้อมรับกับสังคมผู้สูงอายุได้อย่างเข้มแข็ง” นางรัดเกล้าฯ กล่าว